การผลิตอาหารโคจากเปลือกข้าวโพดหมักด้วยจุลินทรีย์
เปลือกข้าวโพดเป็นผลพลอยได้ (By product) จากกระบวนการผลิตข้าวโพดอาหารสัตว์ โดยเปลือกข้าวโพดนี้จะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านอาหารสัตว์ได้เช่น การทำอาหารผสมครบส่วน (TMR) การนำเปลือกข้าวโพดแห้งมาอัดก้อน และการทำเปลือกข้าวโพดหมักจุลินทรีย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราจะนำเสนอกันในกระทู้นี้ การนำเปลือกข้าวโพดมาใช้เป็นอาหารโค นับเป็นการใช้ประโยชน์จากสิ่งเหลือใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งการนำเปลือกข้าวโพดไปหมักจุลินทรีย์จะช่วยให้โคมีประสิทธิภาพการกินได้มากกว่าการใช้เปลือกข้าวโพดแห้งเป็นอาหารโค ช่วยเพิ่มความน่ากินของอาหาร เพิ่มคุณค่าทางโภชนะ และเป็นการใช้ประโยชน์จากสิ่งเหลือใช้ได้อย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย
ประโยชน์ของการทำเปลือกข้าวโพดหมักลูกแป้งจุลินทรีย์
1. เพิ่มอัตราการกินเปลือกข้าวโพดได้ของโค
2. ช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนะของเปลือกข้าวโพด
3. สามารถใช้ทดแทนหญ้าสดในหน้าแล้งได้
4. ช่วยลดต้นทุนค่าอาหารสัตว์
5. ลดการเผาวัสดุเศษเหลือจากการทำไร่ข้าวโพดได้อีกทางหนึ่ง
ในการทำเปลือกข้าวโพดหมักจุลินทรีย์นี้ มีวัตถุดิบหลักก็คือ เปลือกข้าวโพด และลูกแป้งจุลินทรีย์ และก่อนที่เราจะมารู้ถึงวิธีทำเปลือกข้าวโพดหมักจุลินทรีย์ เราจะมาทำความรู้จักกับลูกแป้งจุลินทรีย์กันก่อน
ลูกแป้ง หรือบางคนเรียกแป้งข้าวหมาก หรือแป้งสาโท เป็นผลผลิตจากหัวเชื้อจุลินทรีย์ที่เก็บในรูปของลูกแป้งแห้ง ลูกแป้งมีลักษณะเป็นก้อนแป้งครึ่งวงกลม ขนาดประมาณ 3-4 เซนติเมตร ประกอบด้วยเนื้อแป้งสีขาวนวล ไม่มีรอยแตก ซึ่งเนื้อแป้งจะมีจุลินทรีย์หรือยีสต์ประเภทที่เปลี่ยนแป้งเป็นแอลกอฮอล์อยู่จำนวนมาก น้ำหนักของลูกแป้งจะเบามาก เนื่องจากภายในมีรูพรุนที่เกิดจากพองฟูขยายตัวขณะบ่ม และมีการตากแดดจนเหลือความชื้นไม่มาก เมื่อนำมาขยี้หรือบดจะเป็นผงละเอียด สีขาวผสมน้ำตาล ไม่มีกลิ่นเปรี้ยว
จุลินทรีย์ในลูกแป้ง ประกอบด้วยเชื้อหลายชนิด เช่น เชื้อรา
ยีสต์ และแบคทีเรีย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการบวนการย่อยอาหารของโค แต่ส่วนมากจะเป็นจุลินทรีย์หรือยีสต์ประเภทที่เปลี่ยนน้ำตาลเป็นแอลกอฮอล์ ตัวอย่างของกลุ่มเชื้อใน รา ยีสต์ และแบคทีเรีย ได้แก่
➧ รา เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการอากาศในการหายใจ และจะผลิตเอนไซม์เพื่อย่อยแป้งในลูกแป้งให้กลายเป็นน้ำตาล ราที่ตรวจพบในลูกแป้ง ได้แก่ Amylomyces, Rhizopus, Chlamydomucor-Rhizopus spp.
➧ ยีสต์ เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเซลล์เดียว ซึ่งจะหมักเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นแอลกอฮอล์ เชื้อยีสต์ที่สำคัญในลูกแป้งคือ Saccharomyces cerivisiae
➧ แบคทีเรีย พบในปริมาณปานกลาง ได้แก่ Pediococcus pentosaceus เป็นชนิดที่ผลิตกรดแลคติก ซึ่งแบคทีเรียที่พบมากที่สุดในลูกแป้ง คือ Lactobacillus spp.
วิธีการทำลูกแป้งหมักจุลินทรีย์
➧ รา เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการอากาศในการหายใจ และจะผลิตเอนไซม์เพื่อย่อยแป้งในลูกแป้งให้กลายเป็นน้ำตาล ราที่ตรวจพบในลูกแป้ง ได้แก่ Amylomyces, Rhizopus, Chlamydomucor-Rhizopus spp.
➧ ยีสต์ เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเซลล์เดียว ซึ่งจะหมักเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นแอลกอฮอล์ เชื้อยีสต์ที่สำคัญในลูกแป้งคือ Saccharomyces cerivisiae
➧ แบคทีเรีย พบในปริมาณปานกลาง ได้แก่ Pediococcus pentosaceus เป็นชนิดที่ผลิตกรดแลคติก ซึ่งแบคทีเรียที่พบมากที่สุดในลูกแป้ง คือ Lactobacillus spp.
วิธีการทำลูกแป้งหมักจุลินทรีย์
➢ ส่วนผสมของลูกแป้งจุลินทรีย์
1. ข้าวสารข้าวเจ้า หรือแป้งข้าวเจ้า 1.5 กิโลกรัม
2. เชื้อยีสต์ 5 กรัม หรือลูกแป้ง 1 ก้อน
3. ผงสมุนไพรบด 1 ถ้วย
➢ วิธีทำ
1. นำข้าวเจ้าเก่ามาล้างให้สะอาด และแช่น้ำนาน
2-3 ชั่วโมง
2. นำข้าวมาโม่บดหรือปั่นจนได้น้ำแป้งเหนียวข้น
พร้อมทำให้สะเด็ดน้ำด้วยการห่อผ้าขาว 2 ชั้น ทิ้งไว้สัก
พักจนได้เนื้อแป้งเป็นก้อนเหลวที่สามารถปั้นเป็นก้อนได้
ทั้งนี้ ในขั้นตอนที่ 1-2 หากต้องการประหยัด
เวลาอาจใช้แป้งข้าวเจ้าสำเร็จรูปก็ได้
3. นำแป้งข้าวมาคลุกผสมกับยีสต์ให้เข้ากัน
ก่อนทิ้งไว้เพื่อให้ยีสต์เติบโต และขยายจำนวนนาน 1-2 วัน
4. ปั้นแป้งเป็นก้อนครึ่งวงกลมบนถาดหรือภาชนะ
และตั้งทิ้งไว้ในร่มก่อน 2-3 ชั่วโมง ก่อนนำออกตาก
แดดให้แห้ง
เมื่อได้ลูกแป้งจุลินทรีย์มาแล้ว ขั้นตอนต่อไปเราก็จะนำลูกแป้งไปทำการหมักกับเปลือกข้าวโพด
วิธีการทำเปลือกข้าวโพดหมักจุลินทรีย์
1. หมักหัวเชื้อโดยใช้ลูกแป้งจุลินทรีย์ 0.5กิโลกรัม กากน้ำตาล 1 กิโลกรัม และน้ำ 100 ลิตร ผสมให้เข้า
กันทิ้งไว้ ประมาณ 24
ชั่วโมง
2. นำเปลือกข้าวโพดแห้ง 100 กก.
ใส่ในภาชนะที่มีฝาปิดเช่น ถังพลาสติกหรือ บ่อหมัก
3. รดน้ำให้เปลือกข้าวโพดชุ่มน้ำ (ความชื้นประมาณ 50%) หรือแช่เปลือกข้าวโพดในน้ำก่อนใส่ถังหมัก
4. รดหัวเชื้อให้ทั่วเปลือกข้าวโพดและผสมให้เข้ากัน
5. อัดไล่อากาศหรือเหยียบให้แน่นและปิดให้สนิท
ผลการวิเคราะห์คุณภาพเบื้องต้น
การประเมินคุณภาพอาหารหมักจากเปลือกข้าวโพด โดยการพิจารณาจากลักษณะทางกายภาพ พบว่า
✅มีคุณภาพดีถึงดีมาก
✅มีสีน้ำตาลทอง
✅เนื้อสัมผัสมีความอ่อนนุ่มกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเปลือกข้าวโพดที่ไม่ผ่านการหมัก
✅ไม่มีการเจริญของเชื้อราในกลุ่ม Aspergillus section Flavi ที่ผลิตอะฟลาทอกชิก
✅มีกลิ่นของการหมัก คือ หอมคล้ายผลไม้ดอง มีกลิ่นแอลกอฮอล์และกลิ่นกรดอ่อน
✅มีสีน้ำตาลทอง
✅เนื้อสัมผัสมีความอ่อนนุ่มกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเปลือกข้าวโพดที่ไม่ผ่านการหมัก
✅ไม่มีการเจริญของเชื้อราในกลุ่ม Aspergillus section Flavi ที่ผลิตอะฟลาทอกชิก
✅มีกลิ่นของการหมัก คือ หอมคล้ายผลไม้ดอง มีกลิ่นแอลกอฮอล์และกลิ่นกรดอ่อน
การทดสอบการกินของโค
เมื่อเปรียบเทียบการให้อาหารหยาบระหว่างอาหารหมักจากเปลือกข้าวโพดและฟางข้าว พบว่าโคจะกินอาหารหมักเปลือกข้าวโพดดีกว่าฟางข้าว โดยมีการกินได้มากกว่า 80% และสามารถใช้ทดแทนหญ้าสดในช่วงหน้าแล้งร่วมกับการให้อาหารข้นสำหรับการเลี้ยงโคเนื้อขุนได้ดี
การวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนะเบื้องต้น
วัสดุที่ใช้ทดลอง
|
วัตถุแห้ง
%
|
เยื้อใย
%
|
โปรตีน
%
|
ไขมัน
%
|
เปลือกข้าวโพดแห้ง
|
89.84
|
27.62
|
1.81
|
1.35
|
เปลือกข้าวโพดหมัก*
|
40.03
|
27.86
|
6.85
|
2.86
|
ฟางข้าวแห้ง
|
89.80
|
33.65
|
1.86
|
1.35
|
***** หมายเหตุ ในการผลิตจริง ค่าโภชนะอาจมีการผันแปรของโปรตีนในช่วงระหว่าง
4.0-8.0%
ขึ้นอยู่กับการปรับสูตรและภาวะที่ใช้ในการหมัก
ซึ่งตามสูตรนี้ต้นทุนการผลิตเปลือกข้าวโพดหมักเฉลี่ยราคาต้นทุนอยู่ที่ 0.68 บาท/กิโลกรัม *****
อ้างอิงโดย: http://www.nnr.nstda.or.th/website/attachments/article/1046/22-อาหารหมักโค.pdf
จัดทำโดย
นายศุภชัย โภคา B5851041 (ผู้มีชัย)
นายพลกฤษณ์ มาลัย B5851287 (ผู้สร้างพลัง)
นางสาวประกายทิพย์ สุขชิด B5853779 (แสงที่ส่องลงมาจากสวรรค์)
นายอภิสิทธิ์ สร้อยจู B5853984 (ความสำเร็จและผู้มีอำนาจ)
อ้างอิงโดย: http://www.nnr.nstda.or.th/website/attachments/article/1046/22-อาหารหมักโค.pdf
จัดทำโดย
นายศุภชัย โภคา B5851041 (ผู้มีชัย)
นายพลกฤษณ์ มาลัย B5851287 (ผู้สร้างพลัง)
นางสาวประกายทิพย์ สุขชิด B5853779 (แสงที่ส่องลงมาจากสวรรค์)
นายอภิสิทธิ์ สร้อยจู B5853984 (ความสำเร็จและผู้มีอำนาจ)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น